ในยุคโซเชียลครองเมือง ใครๆ ก็ต่างลงทุนลงแรง ไปกับช่องทางออนไลน์ต่างๆ กันมาไม่น้อย สำหรับคนที่เป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มเปิดเพจ ครั้งแรกมักยากเสมอ ที่จะทำให้เพจเรามีคนรู้จักเยอะๆ อย่างที่รู้กันว่าเดี๋ยวนี้ใครก็หันมาขายของออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะลงทุนแค่สินค้า ไม่ต้องไปดูทำเล เช่าสถานที่ กันให้ยุ่งยาก เหมาะทั้งคนที่ต้องการหารายได้เสริม หรือจะทำเป็นอาชีพหลัก เพราะวิธีการก็ง่ายแสนง่าย ไม่กี่นาที เราก็มีช่องทางสำหรับขายของกันได้อย่างง่ายดาย

แต่ปัญหาหลักสำหรับคนที่เริ่มต้นขายของออนไลน์ผ่านทาง Facebook คือมีคู่แข่งเยอะ คนเข้าถึงเพจเราน้อย ใครๆก็เปิดแฟนเพจกันได้ ฟังแล้วเจ้าของธุรกิจมือใหม่ทั้งหลาย ก็อย่าเพิ่งถอดใจกันนะ วันนี้ KODSANA.COM เรามีเทคนิคเด็ดมาฝาก ในการทำให้แฟนเพจของคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว ลูกค้าเข้ามาแบบไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว เทคนิคจะมีอะไรกันบ้าง ตามไปอ่านกันเลย

6 เทคนิคสำคัญที่คนเปิดเพจใหม่ต้องรู้

---

 

1. การตั้งชื่อเพจ : ต้องน่าจดจำ และมีคีย์เวิร์ด

 

อย่างแรกเลยในการที่จะทำให้คนจดจำเพจของเราได้และสนใจเพจของเรา คือ การที่ลูกค้ารู้ว่าเราต้องการจะขายอะไร อย่างเช่น เราจะขายเสื้อผ้ามือสอง ถ้าเราตั้งเป็นชื่อร้านเพียงอย่างเดียว คนก็อาจจะจดจำไม่ได้ว่าเราขายอะไร รวมถึงเวลาที่คนเสิร์ช ส่วนน้อยมากที่จะเสิร์ชชื่อร้าน

 

โดยส่วนมากคนเราเมื่อเวลาต้องการซื้อของ ก็มักจะเสิร์ชคำว่า เสื้อผ้า เสื้อผ้าผู้หญิง เดรส รองเท้าผู้หญิง แบบนี้เป็นต้นค่ะ ดังนั้นเทคนิคเด็ดในการทำให้ลูกค้าเจอร้านเราได้ง่ายขึ้น คือการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในชื่อเพจด้วยก็จะทำให้คนเจอร้านเราง่ายขึ้นค่ะ

 

ถ้าหากเดิมเราตั้งชื่อร้านว่า “Montra Shop” ให้ลองเปลี่ยนเป็น “Montra Shop เสื้อผ้ามือสอง” ดูค่ะ

 

การเพิ่ม คีย์เวิร์ด คำว่า เสื้อผ้ามือสอง ลงไปในชื่อเพจจะทำให้เวลาที่มีลูกค้า เสริ์ชคำว่า เสื้อผ้ามือสอง ซึ่งเป็นสินค้าที่เราขาย จะทำให้ลูกค้นหาเราเจอได้ง่าย ยังไงก็มีคนเข้าแฟนเพจเราแน่นอนค่ะ

 

2. ตั้ง URL ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

 

อีกหนึ่งส่วนที่จะทำให้แฟนเพจของคุณเติมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ การตั้ง URL ให้คนสามารถเจอได้ง่ายโดยส่วนมากบน  บน Facebook จะแสดงในรูปแบบ www.facebook.com/username ตรง Username นี่ล่ะค่ะ ที่เราต้องตั้งให้ดี โดยเทคนิคในการตั้งคือ การตั้งให้ สั้น กระชับ เป็นคำที่คนใช้เสิร์ช หรืออาจจะเลือกใช้เป็นชื่อแบรนด์ก็ได้

 

การตั้ง URL ให้ออกมาดีคนจะทำให้ติดอันดับในการค้นหาทั้งบน Facebook และ Google ได้ง่าย กาติดอันดับก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเพจเราว่า มีคนเสิร์ชเพจเราบ่อยนะ มีคนมาซื้อของเราจริงๆ แบบนี้ยังไงก็ขายได้ชัวร์ค่ะ

 

3. ข้อมูลหน้า ABOUT

 

ต้องบอกว่าการใส่รายละเอียดในหน้า About นั้นมีผลต่อการค้นหาเช่นเดียวกันนะคะ ดังนั้นการใส่ข้อมูลที่อธิบายชัดเจนว่าร้านเราขายอะไร สามารถติดต่อได้อย่างไร จึงสำคัญมาก

 

การเลือกใส่รายละเอียดควรเลือกใช้คำที่ สั้น ง่าย กระชับ และได้ใจความ ยิ่งเป็นคำที่มีคนเสิร์ชบ่อยๆ ยิ่งดีค่ะ เพราะจะทำให้คนค้นหาแฟนเพจเราเจอได้ง่ายขึ้นค่ะ ยิ่งคุณมีเว็บไซต์ของแบรนด์ตัวเอง ยิ่งดีค่ะ

 

และอีกข้อที่สำคัญคือ การใส่ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนให้กับลูกค้าว่าเรามีตัวตนที่ชัดเจน การที่เราใส่ที่อยู่จะทำให้ลูกค้าทราบว่าเราอยู่ที่ไหน สั่งของจากเราแล้วจะใช้เวลานานมั้ยเป็นการช่วยตัดสินใจในการซื้ออีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

 

4.คอนเทนต์ต้องดี เพจต้องสวย

 

ต้องบอกว่าสิ่งสำคัญในการทำเพจ ก็คือ คอนเทนต์ ดังนั้นการ เลือกคนเทนต์ที่ดี มีประโยชน์กับคนอ่าน อย่างไรคนก็ต้องแชร์แน่นอน

 

โดยเทคนิคในการทำคอนเทนต์ คือต้องกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ แต่ก็ไม่สั้นจนเกินไป น่าติดตาม จนอยากจะกด Read More ตัวอย่างของการทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีคนแชร์กันเยอะ คือพวกเทคนิคต่างๆ การใช้หัวข้อคอนเทนต์เป็นตัวเลข เช่น 5 เทคนิคเด็ด! พิชิตไขมัน

 

เป็นหัวข้อที่อ่านแล้วได้ประโยชน์ เนื้อหาไม่เยอะจนเกินไป ไม่เสียเวลาในการอ่าน

 

ถ้าหากอยากจะทำคอนเทนต์แบบเล่าเรื่องยาวๆ จะต้องเล่าให้น่าสนใจ มี Key Massage อ่านแล้วสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ และจะต้องจัดเรียงข้อความให้สวยงาม เช่น การเว้นวรรค การเคาะบรรทัดให้ดูสะอาดตา โดยเฉพาะการลิสต์เป็นหัวข้อ จะทำให้คอนเทนต์ของเราอ่านง่ายขึ้นค่ะ

 

นอกจากการเลือกคอนเทนต์ให้ออกมาดี โดนใจคนแล้ว การเลือกใช้รูปภาพประกอบ การทำรูปภาพให้ออกมาน่าสนใจ ก็สำคัญเช่นกันค่ะ เพราะถึงแม้เนื้อหาจะดีแต่ทำเพจออกมาไม่สวย ก็ไม่น่าอ่าน ไม่น่าแชร์เช่นกันนะคะ

 

5. โพสต์สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ

 

โพสต์สม่ำเสมอดีอย่างไร

 

การที่เราโพสต์อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ทั้งลูกค้าและเฟสบุ๊กเห็นว่าเรามีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นเพจร้าง ไม่รู้ว่ายังขายสินค้าอยู่ไหม โดยการโพสต์เราไม่จำเป็นต้องโพสต์แต่รูปสินค้าเพียงอย่างเดียวนะคะ อาจจะเป็นการแชร์บทความที่เกี่ยวกับสินค้า หรือเป็นการทำคอนเทนต์ขึ้นมาเองให้คนสนใจ มีคนไลค์เยอะ แชร์เยอะ ลูกค้าก็จะเห็นเพจของเราเพิ่มมากขึ้นเองค่ะ

 

ใส่คีย์เวิร์ด (Keyword) ทุกการโพสต์

 

ถ้าอยากจะทำให้ลูกค้าจดจำสิ่งที่คุณขายได้ อย่าลืมที่จะ ใส่คีย์เวิร์ด คำที่คนค้นหาเพื่อให้เพจของเรามีคนค้นหามากขึ้นและติด #แท็กชื่อสินค้าหรือคำที่คิดว่าคนจะค้นหาด้วยนะคะ วิธีนี้จะช่วยให้เฟสบุ๊คตรวจจับเพจของคุณได้ง่ายขึ้น ทำให้คนหาเพจของคุณเจอง่ายขึ้นด้วยล่ะค่ะ

 

6.งานแจก งานฟรี ต้องมีบ้าง

 

อย่างที่บอกค่ะว่า การเปิดแฟนเพจ ก็เหมือนการเปิดหน้าร้าน ดังนั้นช่วงเวลา GrandOpening ร้านให้เป็นที่รู้จักเราก็ต้องมีลด แลก แจก แถม กันบ้าง ให้คนมาแชร์ มาสนใจเพจเรา อย่างเช่นการจัดกิจกรรมให้คน มาคอมเมนต์ใต้โพสต์ คอมเมนตไหนโดนใจ รับของรางวัลไปเลย รับรองเลยค่ะว่ายังไงคนก็ต้องแชร์เพจเราให้เป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน

 

แอบบอกว่า ถ้าอยากให้เพจยั่งยืน การจัดโปรโมชั่นบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องดีนะคะ

 

แชร์วิธีโปรโมทเพจฟรี ทำตามง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน

---

1. เพิ่ม Username ให้เพจ : คนหาเจอง่าย แม้อยู่เฉยๆ

วิธีง่ายที่สุดในการโปรโมทเพจ ให้ลูกค้าเสิชเจอเราเป็นอันดับต้นๆ นั้น ที่หลายคนอาจหลงลืมไป เพราะเป็นส่วนเล็กน้อย แต่ดันสำคัญมาก นั่นก็คือ การปรับแต่ง URL ของ Facebook Page หรือเรียกง่ายๆ ว่าการตั้ง Username นั่นเอง ในส่วนนี้จะสำคัญมาก หากเราเป็นร้านที่มีชื่อเสียงในส่วนออฟไลน์อยู่แล้ว แต่ยังมือใหม่ในส่วนของออนไลน์ เพียงแค่ลูกค้าอยากเราเจอในช่องทางโซเชียล ก็จะสามารถเจอเราได้อย่าง่ายดาย

 

Username จะไปอยู่ตรงไหนของเพจเราบ้าง?

 

URL หรือ username บน Facebook จะแสดงในรูปแบบ “www.facebook.com/username” และตรงข้างล่างชื่อเพจ จะแสดงในรูปแบบ @Username นั่นเอง

 

 

 

Username สำคัญอย่างไร?

 

การมี Username นั้นจะทำให้เพจของคุณง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แต่การค้นหาใน Facebook เท่านั้น แต่การค้นหาใน Google ก็จะสามารถเจอเพจคุณได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน

ตั้ง Username อย่างไรให้เป็นที่จดจำ?

จริงๆแล้วการตั้ง Username เป็นสิ่งที่ไม่ยากมาก แต่หลายคนมักจะลืมให้ความสำคัญและเผลอตั้งแบบไม่ได้คิด ทำให้เราได้ชื่อที่ยากต่อการค้นหา ทำให้การโปรโมทเพจของเราไม่ประสบผลสำเร็จ

 

ดังนั้น หลักการง่ายๆ ที่เรามักจะใช้ในการตั้ง Username ก็คือ สั้น กระชับ พิมพ์ง่าย จำง่าย ไม่ซับซ้อน หากใครคิดไม่ออกว่าควรตั้งอย่างไรดี ให้ใช้ชื่อแบรนด์ไปเลยก็ได้ เพื่อจะได้เป็นที่จดจำของลูกค้าของเรา

 

ขั้นตอนการเปลี่ยน Username

 

1. ไปที่เพจที่เราต้องการเปลี่ยน Username หรือ URL

2. เลือกที่ Tab About

3. คลิ๊กที่ Create Page

4. ใส่รายละเอียด Username ที่เราต้องการ โดย Username นี้จะกลายเป็น URL ของเพจเราด้วย

หรือหากยังไม่เข้าใจ สามารถอ่านวิธีเปลี่ยน Username ได้ที่ลิ้งค์ของเฟซบุคโดยตรงได้เลยค่ะ วิธีเปลี่ยน Url บน Facebook

2. เพิ่ม QR Code ให้เพจ : โปรโมทได้แม้ออฟไลน์

เหนือสิ่งอื่นใด เรายังมีวิธีโปรโมทเพจแบบฟรีๆ ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งโฆษณา Facebook ไม่ต้องพึ่งช่องทางออนไลน์ด้วยซ้ำหากคุณเจ๋งพอ เราขอแนะนำการทำ QR Codes เพื่อให้เพจของคุณง่ายต่อการค้นหามากยิ่งขึ้น ซึ่งเจ้าตัว QR Codes จะสามารถนำไปปล่อยได้ทุกช่องทาง ตามคุณต้องการ เช่น เว็บไซต์ ไลน์แอด หรือแม้กระทั่งสื่อออฟไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โปสเตอร์หน้าร้าน ฟรีก๊อปปี้ โบรชัวร์ บนแพกเกจสินค้า จะเห็นได้ว่าเป็นการลงทุนที่น้อย แต่ได้ผลมาก เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ได้ทุกที่ ทุกเวลา การทำ QR Codes จึงมีประโยชน์มากเพราะคนที่สนใจสามารถสแกน QR Codes แล้วลิงก์เข้าสู่เพจคุณได้ทันที

 

วิธีสร้าง QR Codes แบบง่ายๆ สอนละเอียดทุกขั้นตอน

 

1.เข้าไปที่เว็บไซต์ www.qr-code-generator.com

2. กดสมัคร Sign up บนขวาของหน้าเว็บ ( จริงไม่จำเป็นต้องสมัคร แต่หากเป็นสมาชิกจะสามารถปรับแต่งโค้ดได้มากกว่า)

3. จากนั้นกด CREATE QR CODE  แล้วเลือก Facebook

 

 

4. ในส่วนแรกจะเป็นขั้นตอนการดีไซน์ปุ่มพรีวิว ดังตัวอย่างด้านขวา เพื่อสำหรับนำไปแปะตามที่ต่างๆ ซึ่งเราสามารถเลือกสี เลือกรูปได้ตามต้องการ แต่หากใครที่ต้องการแค่ QR Codes จริงๆ สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย

 

 

5. จากนั้นเป็นส่วนของการใส่ข้อมูลทั่วไป

 

 

6. เมื่อเราสร้างQR Codes เสร็จแล้ว ยังสามารถตกแต่งโค้ดของเราอีกได้ด้วย ทั้งใส่สี เสริมข้อความ หรือหากใครไม่ต้องการ ก็สามารถเลือกแบบธรรมดาได้

 

 

7. เสร็จเรียบร้อย! ถึงเวลาโปรโมทเพจของคุณแล้ว! สามารถดาวโหลดไปใช้ได้เลย ซึ่งข้อดีของมันคือ เราสามารถแทรคข้อมูลได้ด้วย ว่ามีคนสแกนโค้ดเราไปแล้วกี่คน ซึ่งเป็นข้อมูลการตลาดที่สำคัญมากเลยทีเดียว

 

 

3. ติด HASHTAG บนโพสต์ : ลูกค้าติดแน่นอน

 

อีกหนึ่งวิธีโปรโมทเพจแบบฟรีๆ ที่สามารถทำให้ลูกค้าหาเราเจอได้แบบง่ายๆ ก็คือ การติดแฮชแท็ก (Hashtag) หรือ # ไว้ทุกโพสต์ที่เราโพสต์ อาจจะเป็นชื่อแบรนด์ของเราเอง หรือชื่อสินค้าที่เราขาย หรืออาจจะเป็นเรื่องฮิตติดโซเชียลในเวลานั้นก็ได้เหมือนกัน

 

ทำไมเราจึงต้องติดแฮชแทก?

 

เพราะ Hashtag (แฮชแท็ก)  นั้นเปรียบเสมือนคำค้นหาหลัก หรือที่เรียกง่ายๆว่า คีย์เวิร์ด ผู้คนมักใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาในเรื่องที่พวกเขาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคน กลุ่มเพื่อน ความรู้สึก อารมณ์ สถานการณ์ สถานที่ที่ไป งานอีเว้นท์ งานคอนเสิร์ตที่ไป หรือแม้กระทั่งสินค้าที่ใช้ หรือร้านอาหารที่เคยไปใช้บริการนั่นเอง

 

นั่นหมายความว่าทุกคนที่ติดแฮชแทกเดียวกัน จะบอกกล่าวในเรื่องราวเดียวกัน แต่ผ่านประสบการณ์ส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น  #เสื้อผ้ามือสอง นั่นหมายถึงว่า ในแฮชแทกนี้ จะต้องมีข้อมูลเสื้อผ้ามือสองอยู่ไม่น้อย ลูกค้าคนไหนที่สนใจอยากซื้อเสื้อผ้ามือสอง หรือสนใจรับมาขาย ก็จะต้องค้นหาผ่านแฮชแทกเหล่านี้ ดังนั้นสำหรับเพจที่ขายของเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อลองติดแฮชแทกนี้ไปทุกโพสต์ ก็จะทำให้เพิ่มโอกาสในการที่ลูกค้าจะหาเราเจอนั่นเองค่ะ

 

เทคนิคการใช้แฮชแทก ติดแทกยังไง ให้ลูกค้าติดกลับมา

 

เลือกแฮชแทกให้สั้น กระชับ – วิธีใช้แฮชแทกคือเราต้องรู้จักใช้ให้เหมาะสม ไม่ยาวเกินไป ควรกระชับ อ่านง่าย ไม่ใช้เยอะจนพร่ำเพื่อ เพราะแฮชแทกที่เยอะ และติดๆกันจนเกินไป จะทำให้ผู้อ่านมองข้าม และดูไม่น่าสนใจ ทั้งยังควรติดให้เหมาะกับเนื้อหาของโพสต์ เพื่อนำไปสู่การค้นหาต่อของผู้ที่สนใจ

ใช้แฮชแทกที่สื่อถึงเพจโดยตรง – เป็นวิธีที่ง่ายและสุดแสนจะคลาสสิค คือใช้แฮชแทกที่เกี่ยวกับเราโดยตรง เช่น ชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้า ฝึกใช้ประจำ ใช้กับทุกโพสต์ เวลาที่ลูกค้าสนใจในตัวเรา เขาจะค้นหาเราเจอได้จากแฮชแทกเอง

ลองใช้แฮชแทกตามเทรนด์ดูบ้าง – ให้ตามกระแสสังคมอยู่บ่อยๆ เลือกแฮชแทกที่ติดอันดับที่มีคนสนใจมากที่สุดในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นละครที่ดู ดราม่าดารา ปรากฎการณ์สุดพีค เพียงรู้จักใช้ให้โยงถึงแบรนด์เราได้แบบเนียนๆ ก็จะทำให้เพจเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นนั่นเอง ข้อสำคัญคือ ต้องเร็ว และสร้างสรรค์

ลองใช้แฮชแทกจัดกิจกรรมดูสิ –  แน่นอนว่าเพจที่ดี ควรจะมีกิจกรรมให้ลูกเพจมีส่วนร่วม ให้ลองจัดกิจกรรมตอบแทนลูกเพจ เช่นแจกของ ลุ้นรางวัล ให้พวกเขาโพสต์อะไรที่คุณอยากให้โพสต์แล้วติดแฮชแทกชื่อกิจกรรม ซึ่งหากเพื่อนของเพื่อนมาเห็น แน่นอนว่าต้องอยากเล่นกิจกรรมด้วยแน่นอน ของฟรีใครจะไม่ชอบล่ะ จริงไหม?

 

แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีเพจเป็นของตัวเอง ลองอ่านวิธีสร้างเพจได้ที่นี่เลย : คลิก