แชร์แบบหมดเปลือก! อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับ ต้องทำอย่างไร?

Panida
|Updated: Dec 21, 2023

เว็บไซต์ติดอันดับได้รวดเร็ว แชร์เทคนิคสุดเจ๋ง ที่จะปรับปรุงเว็บไซต์คุณให้ดีขึ้น

เจ้าของธุรกิจหลายคน ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง คงจะเคยตั้งคำถามไม่น้อย ว่าทำไมเวลาค้นหาใน Google ถึงไม่เคยเจอเว็บไซต์ตัวเองเลย? ในขณะที่เจอเว็บไซต์คู่แข่งอยู่เสมอ

ซึ่งเราต้องขออธิบายก่อน ว่าการจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ นั้น มีหลายปัจจัยมากมาย นับไม่ถ้วน และคุณเองก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

วันนี้ KODSANA.COM ไม่รอช้า ที่จะมาแชร์เทคนิคเด็ด ให้ทุกคนได้อ่านกัน


ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

ซึ่งการจะทำให้เว็บไซต์อยู่อันดับต้นๆ ได้นั้น อันดับแรกคือการเตรียมพร้อมให้เว็บไซต์ของคุณ มีประสิทธิมากพอ ปรับปรุงให้มีคุณภาพทั้งด้านเนื้อหา และการใช้งาน ซึ่งการปรับปรุงเว็บไซต์ก็สามารถพัฒนาได้หลายอย่างมากมาย หากคุณไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เราลิสต์ปัญหาหลักๆ มาให้คุณได้ลองอ่านกัน

เว็บไซต์ของคุณมีแต่รูปภาพหรือเปล่า?

 

เว็บไซต์ติดอันดับ

ขอบคุณภาพจาก : raphicdesignjunction.com

เว็บไซต์ติดอันดับ

ขอบคุณภาพจาก : sharpecopy.com

เว็บไซต์ของคุณมีแต่รูปภาพ โดยแทบไม่ได้ใช้ตัวอักษรเลยหรือเปล่า? เป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากคุณจะบอกว่า ภาพเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตา และสวยงามกว่าตัวอักษรเป็นไหนๆ หรือการที่เราพิมพ์เนื้อหาที่เป็นตัวอักษร ทำเป็นรูปภาพอีกที และเอามาแปะลงเว็บไซต์ จะได้ดูสวยงาม เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เป็นสิ่งที่ผิด! 

บนเว็บไซต์ควรจะมีตัวอักษร และเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เนื่องจาก อัลกอริธึมของ Google ไม่สามารถอ่านข้อความบนรูปภาพได้ ดังนั้นการจะใช้รูปภาพควรใช้เป็นการประกอบเนื้อหาเท่านั้น โดยรายละเอียดต่างๆ ควรใส่เป็น Text ทั้งนี้อย่าลืมโปรยคีย์เวิร์ด ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ เพื่อทำให้ Google หาเจอคุณได้ง่าย และติดอันดับในที่สุด

เว็บไซต์ของคุณมี Navigation (ระบบนำทาง) ที่แย่หรือเปล่า?

ระบบนำทางคืออะไร? คือ การจัดหมวดหมู่ หรือการนำทางภายในเว็บไซต์ ว่าผู้ที่เข้ามาแล้วจะหาสิ่งที่ต้องการได้ที่ไหน เช่น จัดเมนูตรงแถบบน ให้มองเห็นเด่นชัด หรือมีช่อง Search box หรือ ทำปุ่มให้โดดเด่น หาเจอง่าย กดง่าย เป็นต้น

แล้วทำไมจึงสำคัญ? ก็เพราะว่าหากคุณมีระบบนำทางที่ใช้งานได้สะดวก หาเจอง่าย ก็จะทำให้ลูกค้าใช้เวลาเข้าเว็บไซต์คุณนานขึ้น เพราะพวกเขาเจอในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทำให้อยากดูเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องไปเปิดเว็บอื่น เพราะระบบนำทางใช้งานง่าย ซึ่งตรงจุดนี้ การที่ลูกค้าอยู่บนเว็บไซต์เรานานๆ Google จะเก็บข้อมูลไว้ ว่าเว็บไซต์ของคุณมีประโยชน์ต่อผู้ค้นหา สามารถทำให้ผู้ชมใช้เวลาอยู่กับเว็บไซต์คุณได้นาน Google ก็จะจัดอันดับให้คุณสูงขึ้น ด้วยเหตุผลคือ มีประโยชน์ต่อผู้ชม ในทางกลับกัน หากคุณมีระบบนำทางที่แย่ ลูกค้าไม่รู้จะคลิกไปทางไหน ถึงจะเจอสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะรีบปิดเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ตอบโจทย์ด้านการใช้งานนั่นเอง

 

เว็บไซต์ของดูบนมือถือได้สะดวกหรือเปล่า?

 

ขอบคุณภาพจาก : responsivedesign.is

สำหรับคำถามนี้ เราเรียกสิ่งนี้ว่า Responsive Website Design คือการออกแบบเว็บให้รองรับกับการใช้งานผ่านอุปกรณ์หลากหลายชนิด เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ทโฟน แทปเล็ต ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้มีขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน หากคุณออกแบบเว็บไซต์ เพื่อตอบโจทย์ไม่ครบทุกอุปกรณ์ เช่น ออกแบบสำหรับคอมพิวเตอร์อย่างเดียว เวลาที่ลูกค้าเปิดเว็บไซต์ของคุณจาก มือถือ ก็จะรู้สึกว่าใช้งานไม่สะดวก ไม่ตอบโจทย์ จะกดจะดูอะไร ก็ลำบากไปหมด 

อีกทั้งการใช้งาน Internet ผ่านสมาร์ทโฟนนั้นมีการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการใช้ในการค้นหาข้อมูล หรือเว็บไซต์ E-Commerce ต่างๆ ที่ทำให้คนหันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น หรือแทบจะผ่านมือถือโดยทั้งหมด ดังนั้นหากเว็บไซต์ของคุณยังไม่ถูกออกแบบ ให้ใช้งานได้แบบ Responsive Design เว็บไซต์ของคุณก็จะแทบไม่มีโอกาสติดอันดับเลยทีเดียวล่ะ


ปรับปรุง SEO ให้ดี

 

ขอบคุณภาพจาก : rror4xx.com

SEO คืออะไร?

หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า SEO กันมาบ้าง แต่เราจะอธิบายให้ฟังอีกทีเพื่อความเคลียร์ SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimizaton หมายถึงเทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ ถูกค้นเจอใน Google และได้รับการจัดอันที่สูงขึ้น ผู้นที่ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณ ก็จะเจอเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย และนี่ก็คือทั้งหมดของ SEO

หรือหากคุณอยากหาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความของเรา

SEO คืออะไร ทำไมถึงต้องทำ SEO

การปรับแต่ง SEO สามารถทำอย่างไรได้บ้าง?

การปรับแต่ง SEO สามารถทำได้หลายแบบ เช่น การปรับปรุงข้อมูลบนหน้าเว็บ ให้สอดคล้องกับคำค้นหา , ปรับการแสดงผลให้รวดเร็ว ฯลฯ ซึ่งการปรับแต่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ให้ทำความเข้าใจดังนี้

On-Pages SEO – คือในส่วนของปัจจัยภายในของเว็บไซต์ที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตราฐานของ Google ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ถูกค้นหาเจอได้ง่ายดาย ซึ่งสามารถปรับได้หลายส่วน โดยจะยกตัวอย่างดังนี้

  • การใส่ Keyword – โดยใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมาย ให้กระจายอย่างเหมาะสมทั่วเว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่คีย์เวิร์ดก็จะนิยมใส่ลงไปใน Title Tag, Meta Desciption, H1 tag, H2 tag, และเนื้อหาในส่วนที่เป็น Plain Text 
  • ใช้บริการเว็บไซต์ ที่ออกแบบ อย่างถูกต้อง ตามมาตรฐาน W3C
  • เขียนบล็อคที่มีเนื้อหาได้คุณภาพ – โดยควรเป็นเนื้อหาที่เขียนขึ้นเอง มีความสดใหม่ อัพเดทอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าชม 

Off-Pages SEO – หรือที่เรียกว่าปัจจัยภายนอก ที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ โดย Google จะจับข้อมูลหรือเนื้อหาจากลิ้งค์อื่นๆ ที่มีการเชื่อมโยงมาจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำเว็บไซต์ไม่สามารถควบคุมได้ เบื้องต้นที่แนะนำได้เลยก็คือ การทำ Backlinks (ลิงค์ภายนอกจากเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึงบางหน้าในเว็บไซต์เรา ในทาง Search Engine ถือว่ามีผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บให้สูงยิ่งขึ้น) ให้เรานำเว็บไซต์ของเราไปฝากไว้ที่อื่นๆ อาจจะเป็นการโปรโมทผ่าน Facebook Fanpage เป็นต้น ซึ่งถ้าเราทำเนื้อหาเว็บไซต์ที่ดี การแชร์ต่อของผู้ชมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ประโยชน์ของการทำ SEO

เพิ่มโอกาสปิดการขาย – เพราะผู้ที่ค้นหาบน Google มักจะเลือกคลิก เว็บไซต์ที่อยู่อันดับบนๆ เสมอ ถ้าคุณทำ SEO ได้ดี ก็จะเพิ่มโอกาสการคลิก และปิดการขายได้ในที่สุด

เพิ่มจำนวนผู้ชมเว็บไซต์ – แน่นอนว่าเวลาคุณเสิร์ชหาอะไรบนกูเกิ้ล คุณมักจะไม่ค่อยเลื่อนไปหน้าไกลๆ มักจะเลือกคลิกจากหน้าแรกเสมอ เช่นเดียวกับผู้ชมเว็บไซต์คนอื่น หากคุณติดอันดับอยู่ในหน้าแรก จำนวนผู้ชมเว็บไซต์ก็มากขึ้นตามนั่นเอง

ประหยัดค่าใช้จ่าย – หากคุณลงทุนออกแบบ SEO ให้ดีตั้งแต่แรก ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคต เช่น การโปรโมทเว็บไซต์ ได้เยอะเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจคือ การปรับแต่ง SEO เป็นขั้นตอน ที่ต้องใช้เวลาพอสมควร และไม่สามารถการันตีได้ว่า เว็บไซต์จะติดอันดับตลอดไป เพราะ ในขณะเดียวกันคู่แข่งของคุณก็ทำการ ปรับปรุงเว็บไซต์เสมอ หัวใจหลักของการทำ SEO คือ “อย่าหยุดทำ” อย่าหยุดที่จะพัฒนา หมั่นอัพเดทบทความ หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์อยู่เสมอ และทำอย่างต่อเนื่อง อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่า เว็บไซต์ติดอันดับแน่นอน


 

จ่ายเงินซื้ออันดับ

ขอบคุณภาพจาก : blog.littledata.io

 

จ่ายเงินซื้ออันดับเว็บไซต์ทำยังไง? หลายคนอาจฟังแล้วไม่คุ้นหู แต่ถ้าเรียกว่า การทำ Google Ads ก็คงจะนึกออกกันขึ้นมาเลยทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในหน้าแรก และเป็นที่นิยมทำกันในธุรกิจส่วนใหญ่อีกด้วย แม้จะใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง กว่าเทคนิคด้านบนที่ผ่านมา แต่ก็เป็นการจ่ายเงินที่คุ้มค่า และการันตีได้แน่นอน

ทำความรู้จัก Google Ads กันอีกรอบ

Google Ads เป็นบริการของ Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับหนึ่งของโลก ซึ่งให้บริการโฆษณาโดยคิดค่าบริการเป็นต่อคลิก หมายความว่า Google จะคิดค่าบริการก็ต่อเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณา และเข้ามายังเว็บไซต์ของเราแล้ว เปรียบเหมือนกับว่า ถ้าเรามีร้านค้าของเรา เราก็เสียเงินเฉพาะเวลาที่ลูกค้าเข้ามาอยู่ในร้านเราเท่านั้น! 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

Google Ads (Adwords) คืออะไร

Google Ads ดีอย่างไร?

หากถามว่าเว็บไซต์ควรทำ Google Ads ไหม แล้วมันดีอย่างไร เราก็ขอตอบแบบสั้นๆเลยว่า “ดีแน่นอน” ถ้าหากคุณต้องการให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับ ทำให้ผู้คน ค้นหาคุณเจอได้อย่างง่ายดาย และได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย 

เพราะการทำ Google Ads นั้น เราจะไม่ได้ออกไปหาลูกค้าให้เหนื่อย แต่เราจะทำให้ลูกค้าหาเราเจอด้วยตัวเอง จากสิ่งที่เรียกว่า “คีย์เวิร์ด” ซึ่งมันง่ายตรงที่ เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเยอะ เพียงแต่พยายามหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า และรอให้พวกเขาคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเราเอง โดยแทบไม่เปลืองแรงอะไรเลย หากเรามีการวิเคราะห์มาอย่างดี

งบไม่บานปลาย เสียเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิก

สำหรับใครที่กล้าๆ กลัวๆ ว่างบประมาณอาจจะบานปลายหรือเปล่า สำหรับกลยุทธ์นี้ จริงอยู่ที่ปัจจุบัน การทำ Google Ads นั้นมีคู่แข่งสูงมาก และต้องใช้เงินเท่านั้น เพื่อที่จะได้ลูกค้ามา แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบ ว่าทาง Google เขาจะไม่หักเงิน หากไม่มีคนคลิกโฆษณาของเรา ซึ่งก็ถือว่าแฟร์ทั้งกับทาง Google และ กับทางเจ้าของธุรกิจเอง