3 ข้อผิดผลาดที่มือใหม่หัดทำโฆษณาออนไลน์มักจะทำผิด
|Updated: May 30, 2018
ช่วงนี้ตลาดออนไลน์นั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการ หรือ มีหน้าในการทำโฆษณาออนไลน์ก็จะเข้าใจว่าการทำการตลาดออนไลน์นั้นมีหลายอย่างอาทิเช่น การตลาดผ่านอีเมล์ เนื้อหา การค้นหา และ การตลาดแบบ Paid Advertising ผ่าน Google Adwords หรือ Bing Ads เป็นต้น
ด้านล่างเป็น 5 ข้อผิดผลาดที่มือใหม่มักทำเวลาโฆษณาผ่าน Google Adwords ที่มีการคิดค่าโฆษณาเป็นแบบ PPC (Pay-per-click) หรือจ่ายเมื่อมีการคลิก
การรีบปล่อยแคมเปญนั้นเป็นหนึ่งในข้อผิดผลาดที่แทบจะเห็นได้ค่อนข้างบ่อยโดยเฉพาะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำแคมเปญตามช่วงเวลาเช่น ลดราคาวันหยุดยาว วันปีใหม่ เพราะแคมเปญเหล่านี้มักจะมีวันกำหนดขึ้นอย่างชัดเจน แต่ในบางครั้งเรามักจะปล่อยแคมเปญขึ้นไปโดยที่เราไม่พร้อม
โดยแคมเปญที่ถูกปล่อยออกไปอย่างเร่งรีบมักจะขาดสามสิ่งเหล่านี้
หน้า Landing Page หรือ หน้าที่เราจะส่งกลุ่มเป้าหมายของเราไปนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเพราะว่าหากเราไม่มีหน้า Landing Page ที่เหมาะกับแคมเปญโฆษณาที่เราทำนั้นอาจจะทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่ต่ำกว่าที่ควรจะได้มาก
ยกตัวอย่าง หากคุณทำแคมเปญขายเสื้อผ้าหน้าหนาว แต่พอคนคลิกเข้าไปกลับไปเจอหน้าเสื้อผ้าแบบรวมๆ ก็อาจทำให้คนเข้าเกิดความงงแล้วปิดหน้าสินค้าของเรา ทำให้เราเสียค่าคลิกไปแบบฟรีๆ
การไม่มีระบบวัดผลแคมเปญ หรือ Coversion Tracking จะเป็นอะไรที่จะสร้างความยากลำบากต่อการทำงานของคุณในทันทีเพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าแคมเปญที่เราลงไปนั้นช่วยนำลูกค้าโทรมาหา หรือ ซื้อสินค้าเรามากเท่าไหร่
ด้วยเทคโนโลยีและระบบโฆษณาที่ทันสมัยทำให้การแก้ไขข้อมูลแบบทันทีเป็นเรื่องที่ง่ายมาก หากเราทำแคมเปญโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนกรุงเทพและเชียงใหม่ หลังจากปล่อยแคมเปญไปได้สองวันก็เห็นได้ชัดว่าค่าโฆษณาสำหรับคนเชียงใหม่นั้นแพงกว่า กรุงเทพ เราก็สามารถเข้าไปปรับนำกลุ่มเชียงใหม่ออกหรือจ่ายน้อยลงได้ทันที
ซึ่งนั้นคือข้อผิดผลาดเพราะว่าการทำโฆษณาออนไลน์นั้นเราควรจะยอมรันแคมเปญไปเพื่อเก็บข้อมูลสักอย่างน้อย 7-14 วัน หรือ 1 เดือนจนได้ข้อมูลมากตามที่ต้องการ แล้วค่อยนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับในแคมเปญต่อไป
สำหรับมือใหม่อาจจะคิดว่าการลงโฆษณาบนคำค้นหาที่เป็นชื่อของบริษัทเราเองนั้นอาจจะไม่จำเป็นเพราะยังไงเวลาคนค้นหาก็เจอชื่อบริษัทเราอยู่แล้ว
การที่เราเลือกไม่ลงโฆษณาในคีย์เวิร์ดที่เป็นชื่อบริษัทหรือแบรนด์เรานั้นถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งลงโฆษณาในชื่อแบรนด์ของเราได้ และ ที่สำคัญราคาถูกอีกด้วยเพราะไม่มีคนลงแข่ง